ข่าวสาร

ข่าวสาร อัพเดทบทความ ความรู้ต่างๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับเครื่องสำอาง และกิจกรรมภายในต่างๆ จาก บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์ จำกัด (ILC)

อัญมณีหินสีเสริมดวง
ข่าวสาร

อัญมณีเสริมดวง – อัญมณีหินสีเสริมดวง ตามสไตล์สาว 12 ราศี

อัญมณีเสริมดวง ตามสไตล์สาว 12 ราศี ยังคงเป็นกระแสแรงอย่างต่อเนื่องสำหรับเครื่องประดับเสริมดวงอย่างหินนำโชค หรืออัญมณีต่างๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นเหล่าคนดังดาราก็ต่างสวมใสจนเป็นเรื่องราวสุดฮิตข้ามปีตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2020 จนมาในปี 2021 นี้ ก็กลับยิ่งทวีความฮิตเข้าไปอีก เพราะจะเห็นได้จากทั่วไป ผู้คนก็เริ่มนิยมสวมใส่หินหรืออัญมณีกันอย่างแพร่หลาย รวมไปถึงร้านค้ามากมายก็มีการเริ่มขายเจ้าพวกหินเหล่านี้กันมากขึ้นด้วย
เพื่อเป็นการเอาใจคนที่รักและหลงใหลเครื่องประดับอัญมณีจำพวกหินสีๆ แบบนี้ ILC Horoscope มีข้อมูลที่เกี่ยวกับอัญมณีหรือหินสีเสริมดวงต่างๆ ที่เหมาะสมกับคนแต่ละราศีมาฝากกันดังนี้

อัญมณีเสริมดวงราศีเมษ

ขอบคุณภาพจาก https://www.pinterest.com/pin/253820128969465300/

ราศีเมษ
อัญมณีเสริมดวง สำหรับชาวราศีเมษคือ เพชร คำว่า Diamond ที่แปลว่าเพชรนั้น มาจากภาษากรีก คำว่า Adamas มีความหมายว่า ไม่มีใครสามารถทำลายได้ ในภาษาฝรั่งเศส คำว่า Diamant ก็แปลว่า ไม่มีวันแพ้ เพชรจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะและความสำเร็จและกระตุ้นให้เกิดความกล้าหาญได้ ซึ่งดูแล้วเหมาะกับนักริเริ่ม นักบุกเบิกที่แข็งแกร่งอย่างชาวเมษ
อัญมณีที่มีสีขาวใสอย่างเพทาย ขาวก็จัดเป็นอัญมณีประจำราศีนี้เช่นกัน เนื่องจากสีขาวใสเทียบได้กับทารกเกิดใหม่ที่ยังบริสุทธิ์อยู่นั่นเอง
บลัดสโตน(Bloodstone)หรือหินสีเลือด ก็ถูกจัดให้เป็นอัญมณีของราศีเมษ เนื่องจากสีประจำราศีนี้คือสีแดง

อัญมณีเสริมดวงราศีพฤษภ

ขอบคุณภาพจาก http://www.pinterest.com/pin/498984833689423267/

ราศีพฤษภ
พลอยสีเขียว คือ อัญมณีเสริมดวง ของคนราศีพฤษภ ได้แก่ มรกต ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง ความยั่งยืนเป็นอมตะ ส่วนในประเทศจีน หยก ทำให้มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ค้าขายรุ่งเรื่อง นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าพลอยสีเขียวทั้งหลายจะทำให้เกิดศรัทธาที่มั่นคง และความกล้าหาญ

โมราสีเขียว(Green Agate)เป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์สิน ความมั่งคั่งร่ำรวย
(ความหมายของอัญมณีสีเขียวเหล่านี้ มีความหมายไปในทำนองเดียวกับดาวศุกร์ ซึ่งเป็นเกษตรของราศีพฤษภ และสีเขียวยังเป็นสีของการเกษตรกรรมและสีของดาวศุกร์อีกด้วย)

อัญมณีเสริมดวงราศีมิถุน

ขอบคุณภาพจาก http://www.pinterest.com/pin/280771357990737111/


ราศีมิถุน
สำหรับชาวราศีมิถุนผู้แคล่วคล่องว่องไว ชอบพูดคุยเจรจา และมีชีวิตชีวา มีความเป็นหนุ่มสาวอยู่ในตัว เจ้าสามสี หรือ Alexandrite คืออัญมณีหลักของราศีนี้ เป็นพลอยที่สามารถเปลี่ยนสีได้ตามแสงที่ตกกระทบ เชื่อว่าสามารถกระตุ้นพลังงานและเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้สวมใส่
นอกจากนี้อัญมณีสีขาวซีด หรือขาวขุ่น ก็เป็นอัญมณีประจำราศีมิถุนเช่นกัน (สีประจำราศีนี้คือ ซีดๆจางๆ) ได้แก่ ไข่มุกและมุกดาหาร Moonstone ซึ่งแสดงถึงความบริสุทธิ์ ความสดชื่น และอายุที่ยืนยาว

โมรา(Agate) ก็ถูกจัดเป็นอัญมณีของราศีนี้ด้วย อาจเป็นเพราะว่าสีของดาวพุธ เกษตรของราศี คือสีที่เป็นลายๆ เป็นแถบๆ หรือหลากสี ซึ่งโมราเป็นพลอยที่มีสีหลายสีมาก

อัญมณีเสริมดวงราศีกรกฏ

ขอบคุณภาพจาก http://www.pinterest.com/pin/290341507202235404/


ราศีกรกฏ
ในสมัยก่อน ไข่มุก Pearl และ มุกดาหาร Moonstone ถือเป็นอัญมณีของชาวกรกฎ สีขาวเป็นสีประจำราศีนี้ และมีดวงจันทร์เป็นเกษตร สีของดวงจันทร์ในทางโหราศาสตร์คือสีขาวและสีเงิน พลอยทั้งสองชนิดนี้ก็มีสีขาวนวล แถมยังมองดูคล้ายพระจันทร์เต็มดวงอีกด้วย
ไข่มุก เป็นแร่รัตนชาติที่ช่วยเสริมสง่าราศีให้กับสตรี เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนโยนและการปกป้อง และก่อให้เกิดความนุ่มนวลอ่อนหวาน

มุกดาหาร โดยตัวมันเองแล้วมีรูปร่างลักษณะที่เหมือนดวงจันทร์มาก เพราะเป็นหินสีขาวใสถึงขุ่น ผิวเรียบเนียน มันวาว แสงสะท้อนจะดูนวลตา เชื่อว่าเป็นหินที่ช่วยให้รับความรู้สึกต่างๆได้ดีขึ้นโดยเฉพาะความรัก ความอ่อนโยน ความสงบ
ในยุคปัจจุบันทับทิม กลายมาเป็นอัญมณีประจำราศีกรกฏ เชื่อกันว่าทับทิมทำให้เกิดสติปัญญา ความแข็งแรงและความมั่นคงทางอารมณ์ เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก การกล้าแสดงออก
ในบางครั้ง สปิเนล Spinel ก็ถูกนำมาใช้แทนทับทิมได้เช่นกัน โดยเฉพาะสปิเนลสีแดง ซึ่งหากดูเผินๆแล้วจะมีความคล้ายคลึงกับทับทิมมาก จะต่างตรงที่สปิเนลมีความวาว ความแข็ง และน้ำหนักน้อยกว่า แต่ราคาก็ต่ำกว่าเช่นกัน

อัญมณีเสริมดวงราศีสิงห์

ขอบคุณภาพจาก http://www.pinterest.com/pin/546483736005443722/


ราศีสิงห์

เพอริโดต์ Peridot อัญมณีสีเขียวใสคืออัญมณีประจำราศีสิงห์ซึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นเกษตร ว่ากันว่า เพอริโดต์นี้ มีพลังแห่งดวงอาทิตย์แฝงอยู่ จึงสามารถขับไล่วิญญาณของภูตผีปีศาจได้ ทำให้ผู้สวมใส่มีอำนาจบารมียิ่งใหญ่ จึงเหมาะกับชาวราศีสิงห์ อย่างไรก็ดี ชาวสิงห์คงต้องดูแลพลอยชนิดนี้ อย่างทะนุถนอม และระมัดระวังเป็นพิเศษ
เพราะเพอริโดต์ เป็นพลอยที่มีความแข็งไม่มาก (6.5-7) จึงเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย แต่ถ้าหากต้องการอัญมณีที่มีความแข็งมากกว่านี้ ไพฑูรย์ตาแมว Cat’s eye ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งมีความแข็งถึง 8.5
อเวนเจอรีน Aventurine พลอยสีเขียวขุ่นเนื้อละเอียด เป็นของชาวราศีสิงห์เช่นกัน เชื่อกันว่าเป็นหินที่สามารถทำให้ผู้สวมใส่เกิดโชคลาภจากการเสี่ยงดวงหรือการแข่งขัน หรือแม้แต่การออกเดทกับคนรัก จึงเหมาะกับคนราศีนี้ที่ชอบการแข่งขันและไม่ต้องการเป็นผู้แพ้ นอกจากนี้ อเวนเจอรีนยังสามารถปลุกเร้าจิตใจให้เกิดความร่าเริง เพิ่มพลังจินตนาการและการสร้างสรรค์
ทับทิม ก็ถือเป็นอัญมณีของราศีนี้ได้เช่นกัน ในสมัยโบราณทับทิมถือเป็นเครื่องรางเพิ่มความกล้าหาญและความสง่างาม เป็นสัญลักษณ์ของความรักและการกล้าแสดงออก

อัญมณีเสริมดวงราศีกันย์

ขอบคุณภาพจาก http://www.pinterest.com/pin/385972630539569427/


ราศีกันย์
อัญมณีของราศีนี้ คือ ไพลิน Sapphire แต่เดิมถูกเรียกว่า นิลกาฬ แต่สมัยนี้เรียกว่า ไพลิน ตามชื่อของจังหวัดในประเทศกัมพูชาที่เป็นแหล่งของพลอยชนิดนี้ ไพลินเป็นอัญมณีที่สื่อถึงความเมตตากรุณา และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จึงเหมาะกับชาวราศีกันย์ที่เป็นนักบริการ

เพทาย Zircon และ โมรา Agate ก็เป็นพลอยประจำราศีนี้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากพลอยทั้งสองอย่างนี้มีหลายสีมาก ซึ่งเหมือนกับสีของดาวเกษตร คือดาวพุธที่มีสีของดาวคือหลากสีสัน หรือสีที่เป็นลายต่างๆ

เรด แจสเปอร์ Red Jasper ถือว่าเป็นอัญมณีที่สื่อถึงลักษณะของชาวราศีกันย์ได้ชัดเจนมาก เพราะเป็นอัญมณีที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัย และการดิ้นรนอยู่รอด ทำให้ผู้สวมใส่มีหลักการในการดำรงงชีวิตอย่างเรียบง่าย

อัญมณีเสริมดวงราศีตุลย์

ขอบคุณภาพจาก http://www.pinterest.com/pin/378795018633646499/


ราศีตุลย์
ชาวราศีตุลย์เป็นคนรักสงบ ประนีประนอม และปรารถนาความสุข รักสวยรักงาม จึงเหมาะกับ โอปอล Opal อัญมณีหลากสีสันที่แต่ละเม็ดจะมีความงามไม่ซ้ำกัน โอปอลนั้น หมายถึง ความสุขและความสมหวัง สามารถนำความรักและความสุขมาให้กับผู้สวมใส่ โดยเฉพาะโอปอลสีเข้ม หรือ แบล็กโอปอล

ไพลิน จัดเป็นอัญมณีของราศีตุลย์เช่นกัน เป็นหินที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ของชีวิตรัก เป็นอัญมณีแห่งสัจธรรมและความดีงาม

เลพิโดไลท์ Lepidolite หินสีชมพูออกม่วง เป็นหินสำหรับผู้ที่ปัญหาด้านความรัก อกหักรักคุด ช่วยให้เปิดกว้างรับสิ่งดีๆที่อยู่รอบตัวเข้าสู่จิตใจ

อัญมณีเสริมดวงราศีพิจิก

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.pinterest.com/pin/35325178302041903/


ราศีพิจิก
ชาวพิจิก เป็นผู้มีความห้าวหาญ เด็ดเดี่ยว มุ่งมั่นสู่เป้าหมายของตน แต่มุทะลุดุดัน จึงคู่กับ บุษราคัม และ โทแพซ Topaz เพราะเป็นอัญมณีที่สื่อถึง ความรอบคอบ การปกป้องจากความทุกข์เข็ญ ช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าและความกล้าหาญ และช่วยรักษาความสมดุลแห่งอารมณ์ทางเพศได้ด้วย

ซิทริน Citrine หรือคริสตัลเหลือง มีสีเหลืองทอง เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ให้กำลังใจและความเชื่อมั่น ช่วยในการตัดสินใจเมื่อต้องเสี่ยงหรือต้องเลือก ยูนาไคท์ Unakite หินสีเขียวมีลายจุดสีส้มกระจายอยู่ทั่ว เชื่อว่าช่วยให้ผู้สวมใส่ยึดมั่นในเป้าหมายและความปรารถนาของตน และมั่นใจในการก้าวไปสู่เป้าหมายนั้น

อัญมณีเสริมดวงราศีธนู

ขอบคุณภาพจาก http://www.pinterest.com/pin/86342517829089821/


ราศีธนู
เทอร์ควอยส์ Turqouise หินสีเขียวน้ำทะเล และ เพทายสีฟ้า ถูกจัดเป็นอัญมณีของราศีนี้ พลอยทั้งสองชนิดนี้ หมายถึง ความร่ำรวยและความมั่งคั่ง ซึ่งมีความหมายเดียวกับดาวพฤหัสที่เป็นดาวเกษตรของราศีธนู เทอร์ควอยส์ยังมีคุณสมบัติด้านความรักความเมตตา และช่วยเสริมสร้างสติปัญญา
ลาพีซ ลาซูรี Lapis Lazuri แซฟไฟร์สีน้ำเงินเข้มที่มีละอองสีทองปนอยู่ในเนื้อหิน ถือเป็นหินแห่งความรู้ เสริมสร้างพลังทางปัญญา ช่วยเปิดตาและเปิดใจให้พบกับสัจธรรมความเป็นจริง

อัญมณีเสริมดวงราศีมังกร

ขอบคุณภาพจาก http://www.pinterest.com/pin/49539664628074723/


ราศีมังกร
ชาวราศีมังกรเป็นคนจริงจัง มีระเบียบแบบแผน แต่มักจะวิตกกังวล จึงส่งผลเสียต่อสุขภาพ และมักจะมีอาการเจ็บป่วยแบบผู้สูงอายุ เช่น ปวดข้อ ปวดเข่า ปวดหลัง เป็นต้น อัญมณีที่เชื่อกันว่าจะช่วยให้ผู้สวมใส่มีสุขภาพที่ดีจึงเป็นอัญมณีประจำราศีนี้ นั่นคือ โกเมน Garnet
มาลาไคท์ Malachite หินสีเขียวสดทึบแสง มีลายริ้วๆ เชื่อว่าช่วยขจัดสิ่งชั่วร้าย ปกป้องอันตรายจากการเดินทาง และยังสามารถป้องกันการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับฟัน กระดูก ไขข้อ อาการอักเสบและติดเชื้อได้ด้วย

อัญมณีเสริมดวงราศีกุมภ์

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.pinterest.com/pin/437341813784291717/


ราศีกุมภ์
คนราศีนี้รักอิสระ รักพวกพ้อง ชอบคิดและทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน แต่ก็ยังมีเพื่อนเยอะ อาเมทีสต์ Amethyst พลอยสีม่วง คืออัญมณีของชาวกุมภ์ บ่งบอกถึงหัวใจที่เป็นอิสระ ความจริงใจและความซื่อสัตย์ สีม่วงของอาเมทิสต์นี้ยังใกล้เคียงกับสีประจำราศีกุมภ์อีกด้วย สีไลแลค หรือม่วงออกแดง

ฟลูออไรต์ Fluorite หินหิ่งห้อย บางก้อนเรืองแสงได้ มีหลายสี เชื่อว่า เป็นหินที่มีพลังพิเศษ สามารถทำให้เห็นภาพนิมิต หรือ ภาพในอนาคตได้ เหมือนช่วยให้เกิดญาณรับรู้อนาคต และยังมีคุณสมบัติลดอาการปวดกระดูก ช่วงให้ฟันแข็งแรง

อัญมณีเสริมดวงราศีมีน

ขอบคุณภาพจาก http://www.pinterest.com/pin/557390891351903500/


ราศีมีน

อความารีน Aquamarine พลอยที่มีตั้งแต่สีเขียวน้ำทะลจนถึงสีฟ้าเข้ม เป็นอัญมณีที่นำความสมบูรณ์และยิ่งใหญ่ดั่งท้องทะเลมาให้ ช่วยให้จิตใจสงบ อ่อนโยน ถือเป็นอัญมณีนำโชคของชาวเรือและชาวทะเล ช่วยบรรเทาอาการเมาคลื่นและอุบัติภัยได้ (จะเห็นว่าทั้งชื่อและคุณสมบัติของอความารีนเกี่ยวข้องกับดาวเนปจูน ดาวเกษตรของราศีมีน)

อาซูไรต์ Azurite หินสีน้ำเงินเข้ม เป็นแร่โคบอลต์ มักใช้ในการนั่งสมาธิ ช่วยปลุกพลังแห่งจิตวิญญาณ การรับรู้และสัมผัสพิเศษ
ราศีมีนเป็นราศีที่มีอัญมณีประจำราศีอยู่หลายชนิดแต่ละแหล่งข้อมูลก็กำหนดแตกต่างกันออกไป นอกจากอความารีนและอาซูไรต์แล้วยังมี บลัดสโตน Bloodstone อาเมทิสต์ Amethyst ที่มีสีม่วง สีของราศีมีน หยก Jade มุกดาหาร Moonstone


ข้อมูล : www.horauranian.com

หากท่านสนใจสร้างแบรนด์ของตัวเอง ผลิตแอลกอฮอล์เจล ผลิตสินค้าเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สำหรับผิว หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในแบรนด์ของตัวเอง สามารถขอคำปรึกษาได้ที่นี่ CLICK!!!
FB:ILC-International Laboratories
Tel : 02-346-8222-4
E-mail : export@ilc-cosmetic.com
j_bussaba@ilc-cosmetic.com
www.ilc-cosmetic.com
Line: @ilc_cosmetic

contact ilc
ครีมกันแดด,spf
ข่าวสาร

ครีมกันแดด – ความเชื่ออันน่าเศร้า เกี่ยวกับ “ครีมกันแดด” ที่ทำลายผิวด้วยมือคุณเอง

ครีมกันแดด,spf

ครีมกันแดด ตามประสาเมืองไทยเป็นเมืองร้อนถึงร้อนที่สุด ไม่ว่าฤดูกาลไหน สาวๆ จึงต้องพึ่งพาครีมกันแดดไว้ปกป้องผิวพรรณไม่ให้โดนทำร้ายจากรังสี UVA และ UVB ตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ ผิวมีริ้วรอยก่อนวัย และผิวแห้งกร้าน แต่มีสาวๆ หลายคนที่ยังมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับครีมกันแดด จนทำร้ายผิวสวยสตรองของคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ ILC ชวนคุณมาสำรวจกิจวัตรความสวยว่า ทุกวันนี้สาวๆ ใช้ครีมกันแดดได้ ถูกควรตามความจริง หรือคุณกำลังใช้ตามความเชื่อกันแน่!

ความเชื่อ: เลือก ครีมกันแดด ที่มีค่า SPF สูงๆ นี่แหละรอด!

ความจริง: ถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะแท้จริงแล้วครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 (Sun Protection Factor) ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVBที่ทำให้ผิวหมองคล้ำและผิวไหม้ (เมื่ออยู่กลางแดดนาน) โดยการคำนวณเวลาในการปกป้องผิวก็ให้เอาตัวเลขของ SPF คูณด้วย 10 เช่น SPF 50 (50×10 = 500) หมายถึง ครีมกันแดด สามารถปกป้องผิวได้นาน 500 นาที (8 ชั่วโมง)

ความเชื่อ: อยู่บ้านหรือออฟฟิศทั้งวันไม่ต้องกลัวแดด

ความจริง: คุณสมบัติอย่างหนึ่งของรังสี UVA ในแสงแดด คือสามารถสะท้อน ทะลุ และหักเหได้อย่างร้ายกาจ แม้จะหลบอยู่ในร่มก็ใช่ว่าจะรอด! ส่วนแสงไฟนีออน หน้าจอคอมพิวเตอร์ และแสงสีฟ้าจากจอมือถือก็ส่งผลเสียต่อผิวพรรณทำให้ผิวหมองคล้ำและแห้งกร้านได้เช่นกัน กรณีอยู่บ้านหรือออฟฟิศคุณอาจเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF15-20 PA++ มาใช้สำหรับการปกป้องผิวก็เพียงพอ และควรทาซ้ำในระหว่างวัน ยิ่งวันที่ฟ้าหม่นครึ้มและไม่มีแดดก็ต้องระวังเช่นกัน เพราะความเข้มข้นของรังสี UVA สามารถทะลุก้อนเมฆลงมาทำร้ายผิวพรรณของเราได้เช่นกัน

ความเชื่อ: ไม่ชอบทา ครีมกันแดด เพราะเหนียวเหนอะหนะ สวมแว่นดำกับกางร่มก็พอ

ความจริง: ถ้าคุณไม่ห่วงสวย ไม่กลัวริ้วรอยเหี่ยวย่น ไม่กลัวคนทักดูแก่กว่าวัย อย่างน้อยควรกังวลมะเร็งผิวหนังสักหน่อย เพราะแว่นกันแดดช่วยปกป้องแค่รอบดวงตา ส่วนร่มที่ไม่มีสารเคลือบกันรังสียูวีก็ไม่อาจปกป้องผิวได้เช่นกัน แต่ใช่ว่าคุณจะพกร่มเข้าไปในอาคารหรือกางร่มในบ้านก็ใช่ที่ หากไม่ชอบสัมผัสเหนียวเหนอะหนะของครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ จริงจัง ปัญหานี้แก้ง่ายมาก ก่อนอื่นควรวิเคราะห์สภาพผิวของคุณเสียก่อน เพราะครีมกันแดดมีหลายเนื้อสัมผัสที่เหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อครีม เจล และโลชั่น ควรลองทดสอบกับผิวใต้ท้องแขนก่อนเลือกซื้อเพื่อความมั่นใจมากขึ้น

สำคัญที่สุดไม่ควรทา ครีมกันแดด บางๆ แต่ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมคือ 2 เม็ดไข่มุก แต้มลงบนจุดต่างๆ บนใบหน้า เช่น หน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง จมูก คาง และรอบดวงตา ส่วนริมฝีปากควรเลือกลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของสารกันแดด เพื่อปกป้องเรียวปากให้ชุ่มชื้นและไม่โดนแสงแดดทำร้าย ส่วนผิวกายให้ทาในปริมาณเท่าฝ่ามือและไม่ควรพลาดจุดบอด เช่น ท้ายทอย เปลือกตา หลังหู ฝ่าเท้า ใต้วงแขน และควรทาทิ้งไว้ก่อนออกจากบ้านสัก 20-30 นาที เพื่อให้ครีมกันแดดซึมซาบสู่ผิว

หากอยากให้ผิวดูกระจ่างใส ห่างไกลมะเร็งผิวหนัง และใช้ครีมอย่างคุ้มค่าทุกหยด อย่าลืมใช้ครีมกันแดด ให้ถูกวิธี

ข้อมูล DII THAILAND และ http://sunlabs.co.za/summer-sun-safety-tips/sun-lab-spf-chart/

หากท่านสนใจสร้างแบรนด์ของตัวเอง ผลิตแอลกอฮอล์เจล ผลิตสินค้าเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สำหรับผิว หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในแบรนด์ของตัวเอง สามารถขอคำปรึกษาได้ที่นี่ CLICK!!!
FB:ILC-International Laboratories
Tel : 02-346-8222-4
E-mail : export@ilc-cosmetic.com
j_bussaba@ilc-cosmetic.com
www.ilc-cosmetic.com
Line: @ilc_cosmetic

contact ilc
เครื่องสำอาง
ข่าวสาร

เครื่องสำอาง – เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเครื่องสำอาง

เครื่องสำอาง

เครื่องสำอาง เป็นได้หลายอย่าง เป็นทั้งของตบแต่งเพื่อความสวยความงาม เป็นเครื่องมือสร้างความมั่นใจ บางอย่างก็ยังสร้างบุคลิกใหม่ ๆ ให้อย่างเช่นการเปลี่ยนสีผม แต่บางครั้งเครื่องสำอางก็อาจทำพิษกับเราได้ทั้งจากความไม่ระมัดระวังในการ ใช้ หรือจากสารอันตรายที่อยู่ในเครื่องสำอางต่าง ๆ การมาทำความรู้จักกับเครื่องสำอางให้มากขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกันสำหรับ สาวใหญ่สาวน้อยที่ชอบแต่งแต้มสีสันให้กับตัวเอง
เครื่องสำอางไม่ใช่ยา ยาไม่ใช่เครื่องสำอาง

เครื่องสำอาง ใช้ทาถูบนร่างกาย เพื่อ ทำความสะอาด แต่งแต้มให้สวยงาม เพิ่มความดึงดูดและเปลี่ยนแปลงสภาพภายนอก เช่น ครีมทาผิว โลชั่น น้ำหอม ลิปสติก ยาทาเล็บ ผลิตภัณฑ์รอบผิวหน้าและดวงตา น้ำยาดัดผม น้ำยาโกรกสีผม รวมทั้งยาสีฟัน
ยา ใช้เพื่อแก้ไข รักษา และป้องกันโรคที่เกิดกับร่างกาย ส่วนเครื่องสำอางไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือมีผลต่อโครงสร้างและหน้าที่ของร่างกาย

ส่วนผสมเครื่องสำอาง

มีอะไรอยู่ในเครื่องสำอาง ?

น้ำหอมและสารกันเสียนับได้ว่าเป็นองค์ประกอบหลักสำคัญในเครื่องสำอาง
น้ำหอม เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการแพ้ของผิวหนัง น้ำหอมประกอบด้วยสารเคมีและสารธรรมชาติต่าง ๆรวมกันมากมาย เครื่องสำอางที่ติดฉลากว่า “ปราศจากน้ำหอม” บางชนิดปราศจากการใส่น้ำหอมจริง ๆ แต่บางผลิตภัณฑ์ยังมีการปรุงแต่งด้วยน้ำหอมเล็กน้อยเพื่อกลบกลิ่นไขและสาร ประกอบอื่น ๆ
สารกันเสียในเครื่องสำอาง นับเป็นอันดับสองรองจากน้ำหอมที่ก่อให้เกิดปัญหาทำให้ผิวหนังแพ้ได้ สารกันเสียทำหน้าที่กันเชื้อแบคทีเรียและราไม่ให้เจริญเติบโตในผลิตภัณฑ์ และยังป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์เสียง่ายเมื่อได้รับแสงและความร้อน

สีในเครื่องสำอาง ต้องเป็นสีที่ปลอดภัยตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา คือ สีที่ใช้สำหรับ อาหาร ยาและเครื่องสำอาง (FD&C) หรือสีที่ใช้สำหรับยาและเครื่องสำอาง (D&C) หรือสีใช้ภายนอกสำหรับยาและเครื่องสำอางเท่านั้น

ความปลอดภัยของเครื่องสำอาง

ความปลอดภัยของเครื่องสำอางขึ้นอยู่กับอะไร ?

เครื่องสำอางส่วนใหญ่จะมีความปลอดภัย ยกเว้นเครื่องสำอางปลอมหรือชนิดที่ผิดกฎหมาย ความไม่ปลอดภัยบางครั้งเกิดจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง เช่น
การขยี้ตาที่มีมาสคาร่า ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ถ้าไม่รักษา เพื่อความปลอดภัยไม่ควรเขียนคิ้ว ทาขอบตาระหว่างที่เดินทางในรถยนต์ รถไฟ หรือเครื่องบิน

ไม่ควรใช้เครื่องสำอางร่วมกับผู้อื่น เพราะเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์จากเราเองไปสู่ผู้อื่น หรือจากผู้อื่นมาสู่เราได้ รวมถึงการไม่ใช้หวีร่วมกัน ไม่ใช้สบู่อาบน้ำก้อนเดียวกัน เพราะเชื้อโรคหรือเชื้อจุลินทรีย์เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

ขณะนอนหลับ ไม่ควรมีเครื่องสำอางอยู่รอบดวงตาและผิวหน้า เพราะเคมีในเครื่องสำอางอาจเข้าตาเมื่อขยี้ตาได้ ปัญหาตาอักเสบจะตามติดมาได้ง่ายผลิตภัณฑ์ประเภทแอโรซอล ไม่ควรวางกระป๋องแอโรซอลใกล้ความร้อนหรือไฟ หรือใกล้คนที่ชอบสูบบุหรี่ เพราะองค์ประกอบในผลิตภัณฑ์ติดไฟง่าย สามารถระเบิดได้ ระหว่างการใช้งาน เช่น สเปรย์ผม ให้ระวังไม่สูดดมเข้าไป เพราะจะสะสมที่ปอด ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดได้

อันตรายของเครื่องสำอาง

จะป้องกันตนเองจากอันตรายของเครื่องสำอางอย่างไร?
-ไม่แต่งหน้าระหว่างขับรถ หรือโดยสารในรถ
-ไม่ใช้เครื่องสำอางร่วมกับผู้อื่น
-ปิดภาชนะให้แน่น เก็บให้พ้นจากแสงและความร้อน
-อย่าใช้เครื่องสำอาง หากมีปัญหาตาอักเสบ และทิ้งผลิตภัณฑ์ไปหากพบปัญหา เช่น เก่าเก็บ เนื้อครีมสลายตัว
-อย่าเติมของเหลวหรืออื่นๆลงในผลิตภัณฑ์ ยกเว้นมีคำแนะนำบนฉลาก
-โยนทิ้ง หากพบว่าสีเครื่องสำอางที่ใช้อยู่เริ่มเปลี่ยน หรือส่งกลิ่นผิดปรกติ
-อย่าใช้กระป๋องสเปรย์ใกล้ความร้อน หรือระหว่างสูบบุหรี่ เพราะอาจระเบิดได้
-อย่าสูดดมละอองสเปรย์ หรือผงแป้งเข้าปอด เพราะถ้าสเปรย์ทุกวัน อาจเกิดการสะสมจนเกิดอันตรายต่อปอดได้
-หลีกเลี่ยงการใช้สีถาวรบริเวณรอบดวงตา เพราะมักจะมีโลหะ เช่น ตะกั่ว เป็นองค์ประกอบ ก่อให้เกิดอันตรายต่อตาได้


เครื่องสำอาง สามารถเก็บได้นานแค่ไหน ?

ผลิตภัณฑ์ประเภทรอบดวงตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาสคาร่า อายเชโด่ ดินสอเขียวคิ้วและขอบตา ไม่สามารถใช้ได้นาน ๆ เท่ากับชนิดอื่น ๆ เพราะโอกาสในการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ระหว่างการใช้งานมีสูงมาก อาจทำให้เกิดอักเสบของเยื่อบุลูกตาได้ ผู้เชี่ยวชาญทางเครื่องสำอางแนะนำให้เปลี่ยนผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทิ้งทุก 3 เดือนภายหลังจากการเปิดใช้งาน
ผลิตภัณฑ์ประเภทสมุนไพรหรือชนิดที่มีองค์ประกอบจากธรรมชาติ มักจะเก็บได้ไม่นาน ผู้ใช้ควรหมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ เช่น สี กลิ่น และความหนืดของเนื้อครีม เพราะทั้งสี กลิ่นและความหนืดที่เปลี่ยนไป แสดงถึงการสลายตัวของผลิตภัณฑ์อันอาจมีสาเหตุจากการปนเปื้อนของเชื้อ จุลินทรีย์ได้ เนื่องจากสารสกัดจากธรรมชาติมักจะไม่มีสารกันเสีย ถ้าพบการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นให้หยุดใช้ และทิ้งไปทันทีไม่ต้องเสียดาย นอกจากนั้นการเก็บผลิตภัณฑ์ต้องเก็บตามคำแนะนำบนฉลาก เช่น หลีกเลี่ยงจากความร้อน และแสงแดด หากเก็บไม่ได้ตามคำแนะนำ อายุของผลิตภัณฑ์จะสั้นกว่าวันหมดอายุที่กำหนดไว้บนฉลาก

ฉลากเครื่องสำอางที่ควรรู้
ปกติฉลากเครื่องสำอางที่ผ่านการควบคุมจาก อย.แล้วจะต้องระบุข้อความเหล่านี้เป็นภาษาไทยไว้บนฉลาก ได้แก่
– ชื่อเครื่องสำอางและ/หรือชื่อทางการค้า
– ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง
– ชื่อส่วนประกอบที่สำคัญ
– ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต ถ้านำเข้าจะต้องแสดงชื่อผู้ผลิตและประเทศที่ผลิต
– วัน เดือน ปีที่ผลิต เช่น Manufactured ตามด้วยตัวเลขบอกวัน เดือน ปีที่ผลิต หรือวันหมดอายุ เช่น Best Before หรือ Used Before ตามด้วยวัน เดือน
ปีที่หมดอายุไว้ด้วย
– วิธีใช้และคำเตือน
– ปริมาณสุทธิ

ที่มา : https://tophitcosmetic.wordpress.com/category/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7/

หากท่านสนใจสร้างแบรนด์ของตัวเอง ผลิตแอลกอฮอล์เจล ผลิตสินค้าเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สำหรับผิว หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในแบรนด์ของตัวเอง สามารถขอคำปรึกษาได้ที่นี่ CLICK!!!
FB:ILC-International Laboratories
Tel : 02-346-8222-4
E-mail : export@ilc-cosmetic.com
j_bussaba@ilc-cosmetic.com
www.ilc-cosmetic.com
Line: @ilc_cosmetic

contact ilc
7สิ่งที่ห้ามทำหลังกินอาหารอิ่ม
ข่าวสาร

7สิ่งที่ห้ามทำหลังกินอาหารอิ่ม

7สิ่งที่ห้ามทำหลังกินอาหารอิ่ม หลังจากที่หลายๆคนกินอาหารเสร็จ ส่วนใหญ่มักชอบนั่งอยู่นิ่งๆ ก่อนลุกขึ้นจากโต๊ะหรือไปเก็บจาน เพราะพึ่งกินอิ่มใหม่ๆ ท้องยังแน่นตึงอยู่ บางคนชอบกินของคาวแล้วตบท้ายด้วยผลไม้ที่มีรสชาติหวาน  แต่รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เราไปดูดีกว่าค่ะว่าสิ่งที่ห้ามทำหลังกินอาหารอิ่มมีอะไรบ้าง 

ห้ามสูบบุหรี่หลังทานอาหาร,7สิ่งที่ห้ามทำหลังกินอาหารอิ่ม

1. ห้ามสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่ปกติก็อันตรายต่อสุขภาพมากพอแล้ว และยิ่งเราสูบบุหรี่หลังกินอาหารเสร็จจะเพิ่มความเสี่ยงถึง 10 เท่า และเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคถุงลมโป่งพอง และโรคมะเร็งปอดสูงขึ้น 

ไม่ทานผลไม้หลังทานอาหาร,7สิ่งที่ห้ามทำหลังกินอาหารอิ่ม

2. ไม่ควรรับประทานผลไม้

หลายคนอาจทำกันอยู่เป็นประจำ เพราะกินของคาวมาแล้วก็อยากตบท้ายของหวานดับกลิ่นคาวในปากบ้าง แต่การับประทานผลไม้ทันทีจะทำจะส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารทำให้ท้องอืดได้ ดังนั้นเราควรรับประทานผลไม้ก่อนมื้อ-หลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง

ห้ามอาบน้ำหลังทานอาหาร,7สิ่งที่ห้ามทำหลังกินอาหารอิ่ม

3. ห้ามอาบน้ำทันที 

กินข้าวเสร็จก็ขออาบน้ำเลยแล้วกันจะได้นอนสบายๆ แต่การอาบน้ำหลังกินอาหารเสร็จทันที จะไปรบกวนการย่อยอาหารให้ทำงานผิดปกติ และทำให้ประสิทธิภาพในการย่อยอาหารลดลง เพราะการอาบน้ำจะกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปทั่วร่างกาย รวมถึงบริเวณท้อง

ไม่ควรดื่มชาหลังทานอาหาร

4.  ไม่ควรดื่มชา

สำหรับใครที่ชอบดื่มชาหลังกินอาการ หรือ ดื่มช่วงใกล้มื้ออาหาร จะทำการดูดซึมอาหารลดน้องลง เพราะในใบชามีความเป็นกรดสูง ทำให้โปรตีนที่เรากินเข้าไปเกิดการย่อยยาก

ห้ามนอนทันทีหลังทานอาหาร

5. ห้ามนอนทันที หลังกินอาหารอิ่ม

มาที่ข้อสุดท้าย ข้อนี้หลายคนทำกันเป็นประจำแน่นอนเพราะกินเสร็จใหม่ๆหนังท้องตึงหนังตาหย่อน หรือกินเสร็จไม่รู้จะทำไรนอนดูทีวีดีกว่า การกินเสร็จแล้วนอกจากทำให้เราอ้วนแล้วยังทำให้การย่อยอาหารทำงานไม่เต็มที่ เกิดลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ และยังเป็นสาเหตุของโรคกรดไหลย้อน 

ห้ามออกกำลังกายหลังทานอาหาร


6.ออกกำลังกายหลังกินข้าวทันที
 ข้อนี้หลายๆ คนรู้อยู่แล้ว เพราะนอกจากจะเป็นการรบกวนระบบย่อยอาหารแล้ว ยังทำให้เกิดอาการจุก อาหารไม่ย่อยอีกด้วย

ห้ามขับรถหลังทานอาหาร

7.ขับรถหลังทานข้าวอิ่มๆ  เป็น ข้อสุดท้ายของ 7สิ่งที่ห้ามทำหลังกินอาหารอิ่ม
ซึ่งหากขับรถในระยะทางใกล้ๆ อาจไม่รู้สึก แต่หากขับทางไกลจะรู้เลยว่า เมื่ออิ่มแล้ว หนังตาก็เริ่มหย่อน อาจเป็นอันตราย ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

ทั้งหมดนี้เป็น 7สิ่งที่ห้ามทำหลังกินอาหารอิ่ม ถ้าเรายังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพแน่นอน ดังนั้นหลังกินอาหารเสร็จให้นั่งพักเพื่อย่อยอาหาร หรือทำกิจกรรมต่างๆ เช่นล้างจาน กวาดบ้าน เพื่อให้อาหารที่เรากินไปย่อยก่อน 

Credit:  http://www.newstodaylifestyle.com
https://www.vanilla.in.th/  

หากท่านสนใจสร้างแบรนด์ของตัวเอง ผลิตแอลกอฮอล์เจล ผลิตสินค้าเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สำหรับผิว หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในแบรนด์ของตัวเอง สามารถขอคำปรึกษาได้ที่นี่ CLICK!!!
FB:ILC-International Laboratories
Tel : 02-346-8222-4
E-mail : export@ilc-cosmetic.com
j_bussaba@ilc-cosmetic.com
www.ilc-cosmetic.com
Line: @ilc_cosmetic

contact ilc
6 สูตรหน้าใสไร้สิว
ข่าวสาร

6 สูตรหน้าใสไร้สิว

6 สูตรหน้าใสไร้สิว หลายครั้งที่สาวๆ เราประสบกับปัญหาผิวหน้าอย่างสารพัดจนไม่รู้จะจัดการอย่างไร จะเข้าสถาบันความงามก็ต้องจ่ายด้วยเงินแสนแพง สำหรับใครที่อยากมี หน้าใสไร้สิว และมีผิวนุ่มชุ่มชื้นสุขภาพดีแบบธรรมชาติ เราขอแนะนำ 6 สูตรหน้าใสไร้สิว เหล่านี้เลยค่ะ พอกหน้าตามนี้เป็นประจำทุกสัปดาห์ บอกเลยค่ะว่าผิวหน้าสวยใสไร้สิว แถมยังนุ่มชุ่มชื้นอย่างมีสุขภาพดีในราคาสุดประหยัดแน่นอน

กล้วยหอม,6 สูตรหน้าใสไร้สิว
1. สูตรกล้วยหอม + นมสด

วิธีทำ บดกล้วยหอมครึ่งลูกให้ละเอียด ผสมกับนมสดเย็นๆ คนให้เข้ากัน จากนั้นนำมาพอกลงบนผิวหน้าจนทั่ว ปล่อยไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด

ว่านหางจรเข้ ,6 สูตรหน้าใสไร้สิว

2. สูตรว่านหางจระเข้

วิธีทำ ตัดใบว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกเอาแต่วุ้น ล้างน้ำให้สะอาดแล้วบดเนื้อวุ้นจนละเอียด จากนั้นนำมาพอกหน้าจนทั่ว ปล่อยไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด สรรพคุณจากว่านหางจระเข้จะช่วยบำรุงผิวหน้าให้นุ่มชุ่มชื้น ผิวเรียบเนียนใสขึ้น ช่วยรักษาสิว ลดเลือนรอยสิว ฝ้า กระและจุดด่างดำ รวมถึงริ้วรอยได้ผล แต่จะต้องหมั่นทำเป็นประจำเช่นกัน

น้ำผึ้ง,6 สูตรหน้าใสไร้สิว

3. สูตรไข่ขาว + น้ำผึ้ง

วิธีทำ นำไข่ขาวและน้ำผึ้งมาผสมกัน คนจนส่วนผสมเข้ากันดีแล้วนำมาทาลงบนใบหน้า พอกไว้จนทั่วจนกว่าส่วนผสมจะแห้ง หรือพอกประมาณ 15-20 นาที จากนั้นจึงล้างออกให้สะอาด สูตรพอกหน้าใสนี้ นอกจากจะช่วยบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้นแล้ว ยังช่วยขจัดสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขนได้อย่างล้ำลึกอีกด้วย เหมาะสำหรับสาวผิวแห้งและมีสิวบ่อยมากที่สุด

แตงโม,6 สูตรหน้าใสไร้สิว

4. สูตรแตงโม

วิธีทำ ฝานเนื้อแตงโมในส่วนที่แดงที่สุดให้เป็นชิ้นบางๆ จากนั้นนำมาวางบนใบหน้าจนทั่ว ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด น้ำแตงโมที่หวานฉ่ำจะช่วยบำรุงผิวหน้าให้นุ่มชุ่มชื้นอย่างล้ำลึกที่สุด แถมผิวหน้ายังกระจ่างใสเปล่งปลั่งด้วย

โยเกิร์ต,6 สูตรหน้าใสไร้สิว

5. สูตรโยเกิร์ต

วิธีทำ สูตรหน้าใส นี้ทำง่ายมากค่ะ แค่ใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติเพียวๆ มาพอกลงบนใบหน้า จากนั้นปล่อยไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างหน้าให้สะอาด สามารถพอกหน้าด้วยโยเกิร์ตได้เป็นประจำทุกวัน โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ต่อผิวแน่นอน

ใบบัวบก,6 สูตรหน้าใสไร้สิว

6. สูตรใบบัวบก

วิธีทำ ให้นำใบบัวบกสดมาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นคั้นเอาแต่น้ำมาใช้ ตอนใช้ให้นำผ้าก็อตหรือสำลีชุบน้ำใบบัวบกที่คั้นเสร็จแล้วมาทาหรือวางแปะไว้บนใบหน้า จากนั้นปล่อยไว้เช่นนั้นประมาณ 20-30 นาที จึงล้างออก สูตรพอกหน้าด้วยใบบัวบกนี้ เป็นอีก สูตรหน้าใส ที่สาวๆ ควรทำอย่างมากเช่นกัน เพราะมีสรรพคุณช่วยรักษาสิว แก้รอยแผลจากสิว ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำได้อย่างเป็นธรรมชาติ

6 สูตรหน้าใสไร้สิว เหล่านี้ ล้วนเป็นสูตรพอกหน้าที่เราสามารถหยิบเอาวัตถุดิบจากธรรมชาติใกล้ตัวมาใช้ได้อย่างง่ายดาย จ่ายแบบประหยัดๆ แต่ได้ผิวหน้าสวยใสมาครอบครอง ไม่ลองทำตาม ถือว่าพลาดนะคะ

ที่มา : https://www.sanook.com/women/71153/

หากท่านสนใจสร้างแบรนด์ของตัวเอง ผลิตแอลกอฮอล์เจล ผลิตสินค้าเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สำหรับผิว หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในแบรนด์ของตัวเอง สามารถขอคำปรึกษาได้ที่นี่ CLICK!!!
FB:ILC-International Laboratories
Tel : 02-346-8222-4
E-mail : export@ilc-cosmetic.com
j_bussaba@ilc-cosmetic.com
www.ilc-cosmetic.com
Line: @ilc_cosmetic

contact ilc
น้ำผึ้ง
ข่าวสาร

น้ำผึ้ง ความหวานจากธรรมชาติ เปี่ยมคุณค่ามากประโยชน์

น้ำผึ้ง ความหวานจากธรรมชาติที่นิยมใช้มาตั้งแต่โบราณ เต็มเปี่ยมไปด้วยประโยชน์มากมาย ทั้งสรรพคุณทางยา สรรพคุณเพื่อความงาม และ ยังดีกับสุขภาพโดยรวมของร่างกาย

ความหวานจากธรรมชาตินั้นมีมากมาย หลากหลายรูปแบบ ส่วนมากจะมาจากส่วนต่างๆของพืช อย่างยางไม้ และน้ำหวานจากเกสรของดอกไม้ น้ำผึ้งเองก็เป็นผลผลิตจากน้ำเชื่อมจากเกสรดอกไม้ชนิดต่างๆเก็บโดยพนักงานจอมขยันอันดับต้นๆของโลก ผึ้งงานตัวน้อยที่ทำงานกันอย่างแข็งขันโดยไม่มีวันหยุด

ผึ้งงานหรือผึ้งน้ำหวานจะเปลี่ยนน้ำเชื่อมจากดอกไม้(น้ำต้อย)เป็นน้ำผึ้งด้วยการขย้อนน้ำเชื่อมจากดอกไม้ที่ดูดไว้ออกมา เพื่อเตรียมไว้เป็นแหล่งอาหารให้กับตัวอ่อนในรังผึ้ง โดยจะสร้างขี้ผึ้งจากเศษเกสรดอกไม้ผสมกับน้ำเมือก ขึ้นรูปเป็นโพรงทรง 6 เหลี่ยม และเก็บของเหลวที่ได้จากการขย้อนนั้น(น้ำผึ้ง)ลงไป ปิดทับด้วยขี้ผึ้งอ่อนอีกชั้น

น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานชนิดแรกๆจากธรรมชาติที่มนุษย์ใช้เป็นอาหารก่อนที่จะมีใช้น้ำตาลเสียอีก โดยมีประวัติการใช้น้ำผึ้งมาตั้งแต่ยุคอียิปต์ และ กรีกโบราณ โดยมีสรรพคุณทางยา ช่วยในการสมานแผล ฆ่าเชื้อโรค บำรุงความงาม และช่วยบำรุงกำลัง นอกจานี้น้ำผึ้งยังมีบทบาทในทางศาสนา โดยเป็นเครื่องมือในการประกอบศาสนกิจ ทั้งในคัมภีร์ไบเบิล คัมภีร์อัลกุรอ่าน และพระไตรปิฎก อีกด้วย

น้ำผึ้ง

ส่วนประกอบของ น้ำผึ้ง

น้ำผึ้ง มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบถึง 80-85% ประกอบไปด้วยน้ำตาลชนิดต่างๆ น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ได้แก่ กลูโคส และฟรักโทส ซึ่งเป็นน้ำตาลที่ย่อยเป็นพลังงานให้กับร่างกายได้อย่างรวดเร็ว อีกกลุ่มคือน้ำตาลโมเลกุลคู่ ได้แก่ มอลโทส ซูโครส แล็กโทส และมีส่วนของน้ำตาลที่มีโมเลกุลซับซ้อน อย่างเดกซ์โทรสผสมอยู่ด้วย

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นส่วนผสมความหวานที่ได้จากธรรมชาติล้วนๆ ดังนั้นน้ำผึ้งจากธรรมชาติที่บริสุทธิ์จริงจะมีปริมาณซูโครสไม่เกินร้อยละ 5-8 เท่านั้น ถ้าสูงกว่านั้นแสดงว่า น้ำผึ้งนั้นมีการผสมน้ำเชื่อม หรือไม่ใช่น้ำผึ้งบริสุทธิ์นั้นเอง

ตารางคุณค่าทางอาหารของ น้ำผึ้ง

ตารางคุณค่าทางอาหารของน้ำผึ้ง,น้ำผึ้ง

คุณค่าทางอาหารของน้ำผึ้ง

น้ำผึ้งเป็นอาหารกลุ่มให้พลังงาน (คาร์โบไฮเดรต)เนื่องจากมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก น้ำตาลกว่า 70%ในน้ำผึ้งเป็นน้ำตาลที่ย่อยง่าย ร่างกายสามารถดูซึมไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยฟื้นฟูกำลัง ช่วยให้หายเหนื่อยเร็ว และให้ความสดชื่น หลังออกกำลังกายได้ดี

ในน้ำผึ้งมีวิตามิน บีและซี และยังมีแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม เกลือแร่ ฟอสฟอรัส กรดอะมิโนที่จำเป็น รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีลักษณะเดียวกันกับที่พบในผักใบเขียว มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยชะลอวัย ชะลอความเสื่อมของเซลล์และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน

สรรพคุณทางยาของน้ำผึ้ง

น้ำผึ้งได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายมาหลายพันปีแล้ว โดยถือให้น้ำผึ้งเป็นอาหารบำรุงกำลัง ปรับสมดุลให้กับร่างกาย ช่วยให้อวัยวะภายในทำงานได้ดีขึ้น ช่วยรักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ลดกรดในกระเพาะอาหาร ใช้ล้างแผล ฆ่าเชื้อโรค ใช้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกได้

สรรพคุณด้านความงามของน้ำผึ้ง

นอกจากน้ำผึ้งจะใช้นำมาเป็นอาหารที่อุดมคุณค่าแล้ว น้ำผึ้งยังมีสรรพคุณมากมายเพื่อความงามอีกด้วย น้ำผึ้งถูกนำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางค์และครีมบำรุงผิวมาตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ ด้วยที่น้ำผึ้งมีความสามารถในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย “ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์” สารชนิดนี้กำจัดเชื้อโรคได้โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อ ซึ่งทำให้น้ำผึ้งถูกนำมาใช้เพื่อรักษาโรผิวหนังรวมถึงเรื่องความงามอีกด้วย

นอกจากนี้น้ำผึ้งมีสารประกอบที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องแสงแดดและรังสียูวี แถมช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรง นุ่มเนียน เครื่องสำอางค์ประเภท สบู่ ครีมพอกหน้า ครีมขัดหน้า เจลล้างหน้าจึงนิยมน้ำน้ำผึ้งมาเป็นส่วนผสมหลักของผลิตภัณฑ์

ลักษณะน้ำผึ้งที่ดี

น้ำผึ้งจะมีหน้าตาและสีจะคล้ายๆกันแต่คุณภาพอาจแตกต่างกัน น้ำผึ้งที่ดีจะต้องมีลักษณะข้นหนืด มีความใสโปร่งแสง ไม่มีตะกอน ไม่มีฟอง ไม่มีกลิ่นบูดเปรี้ยว แต่จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวจากเกสรดอกไม้ การคัดน้ำผึ้งที่ดีจะต้องดูจากความชื้นที่อยู่ในน้ำผึ้ง ยิ่งน้ำผึ้งมีความชื้นต่ำก็จะยิ่งมีคุณภาพมากเท่านั้น จึงเป็นเหตุผลว่า น้ำผึ้งเดือน 5 จึงเป็นสุดยอดน้ำผึ้งคุณภาพ เพราะในเดือน 5 เป็นหน้าเล้ง ไม่มีฝน ดอกไม้กำลังบานสะพรั้ง จึงทำให้น้ำผึ้งที่ได้มีความชื้นต่ำและมีกลิ่นหอม

แต่ด้วยในปัจจุบันน้ำผึ้งเดือน 5 ตามธรรมชาติอาจหาได้ยากเนื่องพื้นที่ป่าลดลง จึงทำให้มีการปลอมแปลงน้ำผึ้งมาแร่ขายกันมากขึ้น น้ำผึ้งที่ขายกันหากเป็นน้ำผึ้งแท้ ส่วนมากจะมาจากการเลี้ยงผึ้งในสวนไม้ผล เช่นลำไย หรือ เลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ซึ่งคุณภาพจะสู้น้ำผึ้งป่าไม่ได้ เมื่อเก็บไว้ซักระยะน้ำผึ้งจะเปลี่ยนสี สีจะเข้มขึ้น และอาจมีกลิ่นและรสชาติเปลี่ยนไป

น้ำผึ้งแท้หรือเทียมสังเกตอย่างไร

ด้วยที่สรรพคุณมากมายของน้ำผึ้ง ทำให้ราคาของน้ำผึ้งแท้สูงเมื่อเทียบกับน้ำตาล จึงทำให้เกิดกลโกงหลอกลวงมากมายเกี่ยวกับน้ำผึ้ง ทั้งใช้น้ำผึ้งแท้ผสมน้ำตาลเคี่ยวผสมแบะแซเพิ่มความข้นหนืดและคงรูป หรือใช้ฝักจามุรี ฝักฉำฉามาเคี่ยวด้วยไฟอ่อน พอละลายก็จะได้น้ำผึ้งเก๊โดยไม่ต้องเติมน้ำผึ้งจริงแม้หยุดเดียว

สำหรับคนที่ทานน้ำผึ้งเป็นประจำ จะคุ้นเคยกับลักษณะและกลิ่นอยู่แล้ว เพียงแค่ดม หรือชิมก็สามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจน แต่สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย ไม่มีความรู้ เพื่อความมั่นใจลองใช้วิธีเหล่านี้พิสูจน์ดู

  • หยดลงบนนิ้วมือแล้วคลึงดู ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้จะไม่แห้ง จะยังลื่นอยู่ตลอด แต่ถ้าหากเป็นน้ำผึ้งปลอมปน น้ำผึ้งจะตกผลึกและเหนียวติดนิ้ว
  • หยดน้ำผึ้งลงบนกระดาษทิชชู ถ้าเป็นน้ำผึ้งปลอม หยดน้ำเชื่อมจะขยายเป็นวงกว้างและกระจายออกเร็วกว่าน้ำผึ้งจริง
  • หยดน้ำผึ้งลงในน้ำ ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้น้ำผึ้งจะคงตัวเป็นก้อนก่อนแล้วจึงค่อยๆละลายไป
  • ตักน้ำผึ้งแล้วหยดลง น้ำผึ้งแท้จะไหลเป็นสาย มีใยบางๆไม่ขาดสาย และจะพับกองเป็นชั้นก่อนจะรวมตัวกันเป็นเนื้อเดียว
  • ทดสอบโดยการผสมน้ำผึ้งกับน้ำชาจีน โดยใช้น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาผสมกับน้ำชาจีนครึ่งแก้วคนให้เข้ากันแล้ววางทิ้งไว้ ถ้าชามีดำคล้ำ แสดงว่าเป็นน้ำผึ้งปลอม เพราะถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้น้ำชาจะไม่เปลี่ยนสี
  • เมื่อน้ำผึ้งเก็บไว้ตู้เย็นน้ำผึ้งจะมีผลึกน้ำตาลเป็นเกร็ดเล็กๆ
  • น้ำผึ้งแท้มดจะไม่ขึ้น
  • เทน้ำผึ้งลงในฝามือ ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้เวลาล้างออก จะล้างออกได้ง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะติดมือ
  • จุ่มหัวไม้ขีดไฟลงบนน้ำผึ้งถ้าจุดไฟติดแสดงว่าเป็นน้ำผึ้งแท้
น้ำผึ้งแท้,น้ำผึ้ง

ข้อควรระวังในการใช้ น้ำผึ้ง

ถึงน้ำผึ้งจะมีประโยชน์มากมายแต่ก็มีคนบางกลุ่มที่ไม่เหมาะกับการทานน้ำผึ้ง เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน โดยเเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาหารแพ้ละอองของเกสรดอกไม้ อาจทำให้เกิดผื่นแดง จึงควรทดสอบก่อนใช้เสียก่อน ผู้ป่วยโรคเบาหวาน อย่าคิดว่าน้ำผึ้งปลอดภัยทานได้ โดยไม่ต้องควบคุม เพราะต้องไม่ลืมว่าน้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำตาลหลายชนิด จึงจำเป็นที่ต้องควบคุมปริมาณในการทานเช่นเดียวกับความหวานจากแหล่งอื่น

นอกจากนี้ เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปีไม่ควรทานน้ำผึ้ง และต้องมั่นใจว่าน้ำผึ้งนั้นสะอาด ได้มาจากแหล่งที่ปลอดภัยถูกหลักอนามัย ต้องระมัดระวังการบนเปื้อน โดยเฉพาะการนำน้ำผึ้งมาใช้ในการรักษาและสมานแผล เพื่อป้องกันการติดเชื้อและเกิดการลุกลามเน่าเปื่อยได้

References

เรียบเรียง : lovefitt.com

หากท่านสนใจสร้างแบรนด์ของตัวเอง ผลิตแอลกอฮอล์เจล ผลิตสินค้าเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สำหรับผิว หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในแบรนด์ของตัวเอง สามารถขอคำปรึกษาได้ที่นี่ CLICK!!!
FB:ILC-International Laboratories
Tel : 02-346-8222-4
E-mail : export@ilc-cosmetic.com
j_bussaba@ilc-cosmetic.com
www.ilc-cosmetic.com
Line: @ilc_cosmetic

contact ilc
แตงโม,ผลไม้คลายร้อน
ข่าวสาร

แตงโม กับคุณประโยชน์ดีดีช่วยดับกระหายคลายร้อน

แตงโม ผลไม้สีสด หวานฉ่ำ รสเย็น ช่วยดับกระหายคลายร้อน มีเบต้าแคโรทีน และ ไลโคพีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ให้พลังงานน้อยและไม่มีไขมัน มีไฟเบอร์ช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหาร
อากาศร้อนๆแบบนี้ เห็นทีจะต้องหนีร้อนไปพึ่งเย็น ไปอยู่ที่เย็นๆ ดื่มอะไรเย็นๆ และทานอะไรเย็นๆ เพราะตามตำราเเพทย์แผนไทยกล่าวว่า ความร้อนจะสภาพอากาศภายนอกนั้นส่งผลต่อธาตุไฟภายในร่างกายได้ ทำให้เกิดอาการตัวร้อน วิงเวียน อ่อนเพลีย คอแห้ง กระหายน้ำ ท้องผูก ปัสสาวะน้อย จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารประเภท ของทอด ของมัน และควรทานอาหารประเภทผักผลไม้ให้มากขึ้น เนื่องจากสารอาหารและวิตามินต่างๆในผักและผลไม้ช่วยให้ร่างกายสดชื่น
อีกหนึ่งผลไม้ที่เป็น Icon ประจำหน้าร้อนแบบนี้คงหนีไม่พ้นแตงโมเป็นแน่ แตงโมผลไม้ลูกโต สีแดงสด รสหวานฉ่ำ ยิ่งเป็นแตงโมแช่เย็นแล้วละก็ ถือเป็นสวรรค์เย็นใจของใครต่อใครในช่วงอากาศร้อนๆได้เลย ไม่เพียงแตงโมจะช่วยดับกระหายคลายร้อนแล้ว แตงโมลูกโตนั้นยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารมากมาย

ประโยชน์ แตงโม

รู้จักแตงโมกันหน่อย

แตงโม เป็นผลไม้ที่เป็นญาติๆ กับ แคนตาลูป บวบ และ ฟัก โดยเนื้อในเมื่อสุกจัดจะมีอยู่ 2 สีหลักๆ คือสีแดง และสีเหลือง เนื้อฉ่ำน้ำ มีเมล็ดมีจำนวนมาก รสชาติจะหวานมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอายุการเก็บเกี่ยวและสายพันธุ์
คุณค่าทางอาหารของแตงโม

คุณค่าทางอาหารของ แตงโม

สรรพคุณทางยาของแตงโม
แตงโม ไม่ใช่ว่าจะทานอร่อยอย่างเดียวเท่านั้น ในตำราแพทย์แผนไทย แตงโมยังมีสรรพคุณทางยา ใช้ได้ตั้งแต่ราก ถึงผลเลยทีเดียว โดยรากของต้นแตงโมใช้แก้โรคบิด ท้องร่วง แก้ร้อนในกระหายน้ำ เปลือกสีเขียวของแตงโมที่จริงๆแล้วทานได้ ช่วยคลายอาการปวดฟัน ขับปัสสาวะ บำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย ส่วนของเมล็ดของแตงโมใช้ช่วยในการขับพยาธิได้
เนื้อแตงโมอุดมประโยชน์
เนื้อในสีแดงของแตงโมมีสารพฤกษาเคมีสีแดงชื่อว่า “ไลโคปีน” (Lycopene) ชนิดเดียวกันที่พบอยู่ในผักที่มีสีแดงอย่างมะเขือเทศ ซึ่งไลโคปินนี้มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง และโรคหัวใจ ลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด แถมในแตงโมยังมีสารอาหารดีๆอย่าง “เบตาแคโรทีน” (Beta-Carotene) ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยลดอาการติดเชื้อ อักเสบในระบบทางเดินอาหาร ช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้น้ำฉ่ำๆในแตงโมยังช่วยขับปัสสาวะ ช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรงเงางามอีกด้วย
แตงโมกับการลดน้ำหนัก
สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก แตงโมถือเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่สามารถทานได้ เพราะแตงโมมีโพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำจึงทำให้มีพลังงานน้อย ไม่มีไขมัน และมีกากใยสูง มีปริมาณน้ำมากทำให้ทานแล้วอิ่มเร็ว แถมช่วยขับปัสสาวะช่วยลดอาหารบวมน้ำได้
นอกจากนี้ในน้ำแตงโมสดที่ไม่ผ่านความร้อน จะมีกรดอะมิโนตัวนึงที่ชื่อว่า citrulline เจ้ากรดอะมิโนตัวนี้สามารถใช้เป็นสารตั้งต้นในการสร้างอาร์จีนิน (arginine) กรดอะมิโนอีกตัวที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและหลั่งโกรทฮอร์โมน (growth hormone) ที่เป็นตัวช่วยกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ช่วยกระตุ้นการสร้างโปรตีนในกล้ามเนื้อ จึงช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการออกกำลังกายได้
แตงโมกินได้แต่ก็ต้องระวัง

พออ่านครบเห็นประโยชน์มามากมายขนาดนี้ หลายคนคงคิดจะทานแตงโมเป็นอาหารหลักมันซะเลย แต่ขอแนะนำเพิ่มเติมอีกหน่อยว่า ถึงแตงโมจะให้พลังงานไม่ได้สูงมากนัก แต่ปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในแตงโมก็ไม่น้อย ถ้าทานในปริมาณมากๆ แตงโม 100 กรัม จะมีน้ำตาลราวๆ 6 กรัม ซึ่งเทียบเท่ากับ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชาครึ่ง ถ้าทานปริมาณมากจนเกินไป แล้วไม่ออกกำลังกายก็อาจทำให้อ้วนได้เช่นกัน นอกจากนี้การทานแตงโมมากๆ อาจทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อยหรือท้องเสียได้ เนื่องจากน้ำในแตงโมจะเข้าไปละลายน้ำย่อยในประเพาะอาหารให้เจือจางลง
นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคไตที่ต้องจำกัดปริมาณการทานน้ำ ควรหลีกเลี่ยงการทานแตงโม เนื่องจากจะทำให้ไตที่มีปัญหาอยู่ต้องทำงานหนัก ทราบแล้วอย่างนี้ก็ไปหาแตงมามาเย็นๆมาดับกระหายคลายร้อนกันดีกว่า แต่อย่าลืมควบคุมปริมาณการทานกันให้เหมาะสมด้วย

สรรพคุณทางยาของ แตงโม


เรียบเรียง : lovefitt.com
Credit : usda.gov, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, prayod.com, สุขภาพไทย.com, health.kapook.com, pharmacy.mahidol.ac.th, th.wikipedia.org, uniserv.buu.ac.th.

หากท่านสนใจสร้างแบรนด์ของตัวเอง ผลิตแอลกอฮอล์เจล ผลิตสินค้าเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สำหรับผิว หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในแบรนด์ของตัวเอง สามารถขอคำปรึกษาได้ที่นี่ CLICK!!!
FB:ILC-International Laboratories
Tel : 02-346-8222-4
E-mail : export@ilc-cosmetic.com
j_bussaba@ilc-cosmetic.com
www.ilc-cosmetic.com
Line: @ilc_cosmetic

contact ilc
วิตามินซี,วิตามินซีกินอย่างไรเกิดประโยชน์,ascorbic acid
ข่าวสาร

วิตามินซี – รู้ก่อนกิน! วิตามินซีกินอย่างไรเกิดประโยชน์

วิตามินซี เป็นวิตามินที่ช่วยในการต้านการเกิดอนุมูลอิสระ ชะลอควาเสื่อมของเซลล์ภายในร่างกาย เป็นสารอาหารที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหารที่ทานเท่านั้น ซึ่งพบมากในผักและผลไม้ เราจึงควรได้รับวิตามินซีในปริมาณที่เหมาะสมตามที่ร่างกายต้องการเป็นประจำ

วิตามินซี หรือ กรดแอสคอร์บิก (ascorbic acid) เป็นวิตามินชนิดละลายในน้ำ ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ เราจะได้รับวิตามินซีจากอาหารที่กินเข้าไปเท่านั้น ผักและผลไม้ถือเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี พบมากในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม และมะนาวชนิดต่างๆ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ผักหลายชนิดก็มีวิตามินซี เช่น พริก พริกหวาน บร็อคโคลี มะเขือเทศ กะหล่ำ ดอกกะหล่ำ ถั่วฝักเขียว มันฝรั่ง มันเทศ และ ผักโขม เป็นต้น

วิตามินซีเป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายด้าน ช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุ  และสารอาหาร เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ช่วยต้านการเกิดอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรงต่างๆ ช่วยซ่อมแซม และส่งเสริมการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ รักษา สมานแผล และยังมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง

วิตามินซีกินอย่างไรเกิดประโยชน์,วิตามินซีกับหวัด

วิตามินซี กับโรคหวัด

เมื่อเป็นหวัด ผู้ที่ทานวิตามินซีเป็นประจำนั้นจะมีความรุนแรงของอาการน้อยกว่า และระยะเวลาของการเป็นหวัดจะสั้นกว่าผู้ที่ไม่ได้ทานวิตามินซี หรือเพิ่งเริ่มทานเมื่อมีอาการหวัด ดังนั้นจึงควรทานอาหารที่มีวิตามินซีในปริมาณที่เหมาะสม และเป็นประจำสม่ำเสมอ

การดูดซึมวิตามินซี

การดูดซึมวิตามินซีของร่างกายนั้นมีจุดอิ่มตัว การได้รับวิตามินซีในปริมาณที่สูงเกินไป ส่วนที่เหลือจากการดูดซึมจะถูกขับออกมารวมกับเหงื่อ และปัสสาวะ ซึ่งปริมาณการดูดซึมวิตามินซีนั้น จะขึ้นอยู่กับปริมาณที่กินเข้าไปในแต่ละครั้ง ร่างกายจะดูดซึมวิตามินซีได้ดีกว่าเมื่อกินในปริมาณครั้งละน้อยๆ และค่อยๆ กินจนครบตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ

ปริมาณการกินวิตามินซีที่เหมาะสม

วิตามินซีเป็นวิตามินที่มีผลเสียต่อร่างกายน้อย สามารถทานได้ทุกวัน ปริมาณที่แนะนำต่อวันจะแตกต่างกันไป ตามเพศ ความต้องการของแต่ละช่วงวัย  ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และให้นมลูก ผู้ที่สูบบุหรี่ จะมีความต้องการวิตามินซีสูงขึ้น

ปริมาณของวิตามินซีที่ควรได้รับต่อวัน (Recommended Dietary Allowances, RDAs)

ปริมาณของวิตามินซีที่เหมาะสม

การกินวิตามินซีมากเกินไปมีผลเสียกับสุขภาพหรือไม่

การกินวิตามินซี ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หากทานในปริมาณที่พอเหมาะ การทานวิตามินซีในปริมาณสูงๆ มากเกินไป ติดต่อกัน อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น ปัสสาวะบ่อย ไม่สบายท้อง ปวดมวน ท้องเสีย

กิน วิตามินซี ตอนไหนดี

ความจริงแล้วการกินวิตามินซี จะทานช่วงเวลาไหนก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้ทานพร้อม หรือหลังมื้ออาหาร เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีได้ดีขึ้น และป้องกันการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นกับระบบย่อยอาหาร

วิตามินซี,ascorbic acid

ผลิตภัณฑ์วิตามินซีในปัจจุบัน

เนื่องจากวิตามินซีเป็นสิ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ต้องได้รับจากการกินอาหารเท่านั้น นอกจากการกินอาหารประเภทผักและผลไม้เป็นประจำแล้ว การกินวิตามินซีในรูปแบบของอาหารเสริม ทั้งแบบแคปซูล แบบเม็ดสำหรับกิน เคี้ยว แบบเม็ดฟู่ผสมน้ำ และเครื่องดื่มเสริมวิตามินซีก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินซีให้กับร่างกาย เพียงแต่ต้องเลือกให้เหมาะกับช่วงวัย กะปริมาณการทานให้เหมาะสม โดยดูถึงส่วนผสมอื่นๆ ที่มากับผลิตภัณฑ์ด้วย

ผลิตภัณฑ์วิตามินซีในปัจจุบัน

หากท่านสนใจสร้างแบรนด์ของตัวเอง ผลิตแอลกอฮอล์เจล ผลิตสินค้าเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สำหรับผิว หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในแบรนด์ของตัวเอง สามารถขอคำปรึกษาได้ที่นี่ CLICK!!!
FB:ILC-International Laboratories
Tel : 02-346-8222-4
E-mail : export@ilc-cosmetic.com
j_bussaba@ilc-cosmetic.com
www.ilc-cosmetic.com
Line: @ilc_cosmetic

contact ilc
กินผัก-ผลไม้
ข่าวสาร

กินผัก-ผลไม้ อย่างไรให้ได้คุณค่า ครบ 400 กรัม

กินผัก-ผลไม้ อย่างน้อยให้ถึง 400 กรัมต่อคนต่อวัน ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ได้ โดยเลือกให้เป็นผัก และผลไม้หลากหลายสี สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป ผักปรุงสุก 80 กรัม 3 ส่วน และ เป็นผลไม้หวานน้อย 80 กรัม 2 ส่วน ต่อวัน

ผักและผลไม้ เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารพฤกษเคมีต่างๆ ซึ่งแต่ละชนิดจะมีปริมาณสารอาหารแต่ละชนิดแตกต่างกัน จึงควรเลือกกินให้หลากหลาย และควรกินทั้งผัก และผลไม้หลากหลายสีควบคู่กันไป

สารพฤกษเคมี (Phytonutrients or Phytochemicals)ในผัก และผลไม้ ที่มักพบอยู่ตามเม็ดสีของพืช มีคุณสมบัติในการลดการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ตลอดจนยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้

การกินผัก และผลไม้ไม่ได้มีดีเฉพาะในแง่ของสุขภาพโดยรวมเท่านั้น แต่ยังดีต่อคนที่ต้องการรักษารูปร่าง และลดน้ำหนักอีกด้วย จึงถือเป็นตัวเลือกหลักที่ถูกแนะนำให้กินในขณะควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากผัก และผลไม้บางชนิดเป็นอาหารมีไขมันต่ำ ให้พลังงานน้อย สามารถกินได้มาก ใยอาหารในผัก และผลไม้ช่วยให้อิ่มท้อง ดีต่อระบบย่อยอาหาร และการขับถ่าย

องค์การอาหาร และการเกษตรแห่งสหประชาชาติ และองค์การอนามัยโลก(WHO) จึงได้ออกคำแนะนำ และร่วมมือกับหลายหน่วยงาน รณรงค์ให้บริโภคผัก และผลไม้ให้ได้อย่างน้อย 400 กรัม ต่อคนต่อวัน

กินผัก-ผลไม้ ,ผลไม้หลากสี,ผัก,ผลไม้

กินผักและผลไม้ 400 กรัมเพื่อช่วยในการลดน้ำหนัก

กินผัก-ผลไม้ การกินผักผลไม้ในช่วงของการควบคุม และลดน้ำหนัก เน้นการเลือกรับประทานผักใบหลากสี ทั้งขาว เขียว แดง  ธัญพืช ถั่ว และข้าวกล้อง เนื่องจากมีกากใยสูง น้ำตาลน้อย ให้พลังงานต่ำ ช่วยให้อิ่มได้นาน แล้วเสริมด้วยผลไม้หวานน้อยชนิดอื่นๆ โดยสามารถแบ่งเป็น ผักปรุงสุก 4-6 ทัพพี (80 กรัมต่อทัพพี) และผลไม้ 2-3 ส่วน (น้ำหนัก 1 ส่วนของผลไม้จะเท่ากับ 80-100 กรัม ) แต่ถ้าหากระวังเรื่องน้ำตาลเป็นพิเศษให้ลดสัดส่วนของผลไม้ลง และเพิ่มส่วนของผักเข้าไปแทนที่

กินผัก-ผลไม้ ,ผลไม้หลากสี,ผัก,ผลไม้

ประโยชน์ของการ กินผัก-ผลไม้ หลากสี

สารพฤกษเคมีในผัก และผลไม้ ที่มักพบอยู่ตามเม็ดสีของพืชนั้น เป็นแร่ธาตุ และวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง แต่จะได้รับจากการกินผัก และผลไม้เท่านั้น

ผัก และผลไม้แต่ละสีให้ประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกัน เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการกินผัก และผลไม้อย่างเต็มที่ ควรเลือกกินให้หลากหลาย ทั้งชนิด และสี สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยๆ

  • ผักสีเขียว มี สารคลอโรฟิลด์ (Chlorophyll) โดยเฉพาะผักใบที่มีสีเขียวจัดๆ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านโรคมะเร็ง มีแร่ธาตุ และวิตามิน ไฟเบอร์สูงทำให้การขับถ่ายดี
  • ผัก-ผลไม้สีเหลือง มี สารลูทีน (Lutein) พบในผักผลไม้ที่มีสีเหลือง เช่น ข้าวโพด ช่วยบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกิดขึ้นกับจอประสาทตา
  • ผัก-ผลไม้ สีเหลืองส้ม และส้มแดง มีสารแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ได้แก่ แครอท ฟักทอง มะเขือ มะละกอ ส้ม ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ลดการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย บำรุงสายตา และจอประสาทตา
  • ผัก-ผลไม้ สีแดง มีสารไลโคปีน (Lycopene) เช่น ฟักข้าว มะเขือเทศ แตงโม และ สตรอเบอร์รี่ ไลโคปีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิต้านทาน ชะลอความแก่ เสริมให้เซลล์ในร่างกายแข็งแรง
  • ผัก-ผลไม้ สีม่วงแดง และสีม่วงน้ำเงิน มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin)  เช่น ข้าวไรส์เบอร์รี่ องุ่น กะหล่ำปลีสีม่วง หัวบีท แครอทสีม่วง และ มันสีม่วง มีส่วนช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ในร่างกาย ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และเส้นเลือดอุดตัน
  • ผัก-ผลไม้สีขาว มีสารอัลลิซิน (Allicin) เช่น หอมหัวใหญ่ กระเทียม หัวไชเท้า ถั่วเหลือง และ ลูกเดือย ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันโรคความดันโลหิต และโรคหลอดเลือดหัวใจได้
กินผัก-ผลไม้ ,ผลไม้หลากสี,ผัก,ผลไม้

References

เรียบเรียง : lovefitt.com

  • “กินผัก ผลไม้ มากพอ ป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วันทนีย์ เกรียงสินยศสถาบันโภชนาการมหาวิทยาลัยมหิดล)
  • คำแนะนำการบริโภคผักและผลไม้สู่การปฏิบัติจริง: ทำไมต้อง 400 กรัมต่อวัน (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วันทนีย์ เกรียงสินยศ สถาบันโภชนาการมหาวิทยาลัยมหิดล)
  • “กลุ่มโรค NCDs” (สสส)
  • www.who.int/dietphysicalactivity/fruit/en
  • www.weightlossresources.co.uk

หากท่านสนใจสร้างแบรนด์ของตัวเอง ผลิตแอลกอฮอล์เจล ผลิตสินค้าเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สำหรับผิว หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในแบรนด์ของตัวเอง สามารถขอคำปรึกษาได้ที่นี่ CLICK!!!
FB:ILC-International Laboratories
Tel : 02-346-8222-4
E-mail : export@ilc-cosmetic.com
j_bussaba@ilc-cosmetic.com
www.ilc-cosmetic.com
Line: @ilc_cosmetic

contact ilc
ดื่มน้ำ
ข่าวสาร

การ ดื่มน้ำ สิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้

น้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย ยิ่งถ้าคุณเป็นคนออกกำลังกายหนัก และ กำลังลดน้ำหนักอยู่ละก็ น้ำเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการสร้างความสดชื่นให้กับร่างกาย ขับของเสีย ช่วยลดอุณหภูมิ และการไหลเวียนโลหิต อย่างทราบกันดี น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสิ่งที่มีชีวิต มักมีผู้กล่าวไว้ว่าถ้าปราศจากน้ำก็ปราศจากสิ่งมีชีวิต โดยทั่วไปคนสามารถอดอาหารได้หลายสัปดาห์ แต่ถ้าอดน้ำจะเสียชีวิตภายใน 2–3 วัน โดยการศึกษาวิจัยที่ผ่านมาพบว่า น้ำมีประโยชน์มากมายแก่ร่างกายของสิ่งมีชีวิต นอกเหนือจากคุณสมบัติที่เด่นที่สุดของโมเลกุลน้ำ ที่เป็นตัวทำละลายที่ดีและ มีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด และกว่า 90% ของคนทั่วไปมักหลงลืมและไม่ใส่ใจกับการ ดื่มน้ำ

ดื่มน้ำ

น้ำกับสิ่งมีชีวิต
ร่างกายมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบประมาณร้อยละ 70 ในเลือดมีน้ำเป็นองค์ประกอบร้อยละ 92 ในสมองมีน้ำเป็นองค์ประกอบร้อยละ 85 ถ้าพิจารณาในแต่ละเซลล์จะมีน้ำเป็นองค์ประกอบร้อยละ 60 นอกจากนี้น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญและจำเป็นของเซลล์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเซลพืช เซลล์สัตว์ และเซลล์มนุษย์ ทุกเซลล์ล้วนประกอบด้วยน้ำทั้งนั้น ในเซลล์มนุษย์และเซลล์สัตว์มีน้ำประมาณ 2 ใน 3 ของน้ำหนักร่างกาย ในพืชบกมีน้ำประมาณร้อยละ 50–75 ถ้าเป็นพืชน้ำอาจมีน้ำมากกว่าร้อยละ 95 โดยน้ำหนัก

หน้าที่สำคัญที่สุดของน้ำ
เป็นตัวกลางในการเกิดปฏิกิริยาเคมีทุกชนิด ในกระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกาย ปฏิกิริยาเคมีในร่างกายทุกชนิดต้องอาศัยน้ำ เซลล์จะไม่สามารถทำงานได้ถ้าไม่มีน้ำ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ได้แก่ กระบวนการการย่อยอาหาร กระบวนการดูดซึมอาหาร และกระบวนการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย น้ำที่เป็นของเหลวของเลือด ทำหน้าที่ขนส่งอาหารและออกซิเจนให้แก่เซลล์ อีกทั้งนำของเสียและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเซลล์มาขับถ่ายออกจากร่างกาย กระบวนการไหลเวียนเลือด และกระบวนการขับถ่ายของเสียในร่างกายไม่สามารถเกิดขึ้นได้
นอกจากนี้น้ำช่วยให้การขับถ่ายกากอาหารในลำไส้ใหญ่เป็นไปโดยสะดวก ความผิดปกติของการถ่ายอุจจาระเกิดขึ้น เนื่องจากขาดสมดุลของการดูดซึมน้ำกลับเข้าสู่เซลล์ลำไส้ เชื้อโรคที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคอุจจาระร่วงหลายชนิด สร้างสารพิษที่มีผลต่อกลไกการควบคุมสมดุลสารน้ำภายในลำไส้
สารพิษรวมทั้งสารเคมีในร่างกายที่อาจเป็นพิษ ถูกกำจัดออกจากร่างกายโดยอาศัยน้ำ เลือดทำหน้าที่ขนส่งสารเหล่านั้นไปทั่วร่างกายซึ่งสารนั้นละลายในน้ำ ตับเป็นอวัยวะสำคัญในการทำลาย หรือเปลี่ยนแปลงสารพิษด้วยกลไกทางเคมีมากมาย หลายชนิด บางคนกล่าวเปรียบเทียบว่าตับเป็นโรงงานผลิตเอนไซม์ที่ทรงพลัง มากกว่าโรงงานใด ๆ ในโลก กระบวนการขับถ่ายสารพิษเกิดขึ้นร่วมกับการขับถ่ายทางปัสสาวะและอุจจาระ และน้ำช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย และช่วยรักษาระดับความเป็นกรดด่างของเลือดรวมทั้งของเหลวต่าง ๆ ในร่างกาย น้ำช่วยระบายความร้อนของร่างกายในรูปของเหงื่อ ซึ่งถือเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพยิ่ง

ดื่มน้ำ

การสูญเสียน้ำ
ร่างกายเรามีกาสูญเสียน้ำรวมทั้งสิ้นประมาณ 3–5 ลิตร ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณที่ได้รับเลยทีเดียว ปริมาณของน้ำในร่างกายคนไม่แน่นอน ขึ้นกับอายุ ปริมาณของไขมันในร่างกาย และกิจกรรมของแต่ละคน คนที่ทำงานหนักกลางแจ้งอาจสูญเสียน้ำ 5 –12 ลิตรต่อวัน หรือคนที่มีโรคภัยไข้เจ็บก็อาจเสียสมดุลของน้ำในร่างกายได้ง่าย โดยร่างกายจะสูญเสียน้ำทาง

  • ผิวหนัง มีทั้งที่เรามองเห็นออกมาในรูปของเหงื่อ และน้ำที่ระเหยไปโดยที่เรามองไม่เห็น
  • ปอด โดยการหายใจออก
  • ทางอุจจาระ
  • ทางปัสสาวะ
ดื่มน้ำ

แล้วเราควร ดื่มน้ำ ปริมาณ หรือ มากแค่ไหนใน 1 วัน ??
เราควรพยายามดื่มน้ำให้เป็นนิสัยโดย สำหรับผู้ชายควรดื่มไม่น้อยกว่า 3.7 ลิตร/วัน และหญิงควรไม่น้อยกว่า 2.7 ลิตรต่อวัน หรือวิธีง่ายๆ ก็สังเกตสีของปัสสาวะ ถ้าหากปัสสาวะมีสีเข้มแสดงว่าเราดื่มน้ำน้อยไป ถ้าหากสีปัสสาวะต้องมีสีเหลือจางๆสภาพใส ไร้มูกหรือสิ่งเจอปนถือว่าอยู่ในระดับปรกติ
หวังว่าทุกคน คงจะให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำมากขึ้นและ ฝึกให้เป็นความเคยชินถึงแม้บางครั้งเราไม่รู้สึกหิวกระหายน้ำก็ตาม และลดการดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม กาแฟ ชานมไข่มุก มาดื่มน้ำเปล่าในอุณภูมิห้องปรกติเป็นประจำเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สำหรับคนที่ออกกำลังกาย ระหว่างออกควรจิบน้ำไปด้วยเป็นระยะ จิบ เพราะขณะที่เราออกกำลังกายร่างกายเราจะสูญเสียน้ำเพื่อระบายความร้อน ออกมาในรูปของเหงื่อ ถ้าเราไม่จิบน้ำอาจเกิดภาวะร่างกายขาดน้ำได้ง่าย

Credit: kapook.com

หากท่านสนใจสร้างแบรนด์ของตัวเอง ผลิตแอลกอฮอล์เจล ผลิตสินค้าเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สำหรับผิว หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในแบรนด์ของตัวเอง สามารถขอคำปรึกษาได้ที่นี่ CLICK!!!
FB:ILC-International Laboratories
Tel : 02-346-8222-4
E-mail : export@ilc-cosmetic.com
j_bussaba@ilc-cosmetic.com
www.ilc-cosmetic.com
Line: @ilc_cosmetic

error: Content is protected !!
โรงงานผลิตเครื่องสำอาง